กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในฐานะผักต้มจิ้มน้ำพริก แต่ในระยะหลังเริ่มมีการนำกระเจี๊ยบไปทำเมนูอย่างอื่นมากขึ้นเช่น ปิ้งกับพริกหม่าล่า ไข่เจียว หรือนำไปทำเป็นเทมปุระก็เป็นที่นิยมเช่นกัน เพราะกระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่กินง่าย มีรสชาติอร่อย ซึ่งเราอาจจะเข้าใจว่ากระเจี๊ยบเขียวต้องนำไปผ่านความร้อนก่อนจึงจะสามารถกินได้ แต่ Lapoon Organic มีคำตอบมาฝากกันค่ะว่า กระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหม และมีวิธีกินยังไง ?
กระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหม ? แชร์วิธีกินยังไงให้ดีต่อสุขภาพและไม่อันตราย !
กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักจิ้มน้ำพริกยอดนิยมของคนไทย ซึ่งผักชนิดนี้มีชื่อเรียกหลายแบบตามแต่ละท้องถิ่น บางคนก็เรียกว่า กระเจี๊ยบมอญ มะเขือมอญ มะเขือพม่า มะเขือทวาย มะเขือละโว้ หรือ ถั่วส่าย ก็ได้เช่นกัน เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Malvaceae ลำต้นสูงประมาณ สูงประมาณ 0.5-2.4 เมตร กระเจี๊ยบเขียวส่วนฝักที่นำมากินจะมีรูปทรงเรียวยาว ปลายแหลมโค้งเล็กน้อย ฝักเป็นทรงห้าเหลี่ยม มีขนอ่อนปกคลุมอยู่รอบฝักโดยมีลักษณะเด่นที่ภายในฝักจะอัดแน่นไปด้วยเมล็ดเล็ก ๆ คล้ายเมล็ดพริกแต่ไม่มีรสชาติเผ็ด (อ่านเรื่องพริกมีกี่ชนิดเพิ่มเติมได้อีกนะคะ) และมีเมือกเหนียวอยู่ นิยมกินฝักอ่อนมากกว่าฝักแก่ มีรสชาติหวานกรอบอร่อย แต่ก็มีบางคนยังไม่รู้วิธีกินว่า กระเจี๊ยบเขียวกิน ดิบได้ไหม ?
ชื้อสินค้าออแกนิก ราคาพิเศษ กับ Lapoon Organic
พริก
การเเปรรูป : ตากแห้ง ทำอาหารเครื่องแกง
กระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหม กินยังไงให้ปลอดภัย ?
ความจริงแล้วกระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่มีประโยชน์มากหากกินอย่างถูกวิธีแต่ถ้าไม่รู้ว่ากระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหม ก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน เพราะการกินกระเจี๊ยบ ข้อควรระวังคือควรนำไปทำให้สุกก่อน ไม่ควรกินกระเจี๊ยบเขียวแบบดิบ เพราะนอกจากจะมีความเหม็นเขียวแล้วยังส่งผลเสียต่อร่างกายได้ด้วย เช่น มีอาการเมา จึงควรนำกระเจี๊ยบเขียวไปผ่านความร้อนก่อนถึงจะดีต่อร่างกาย เช่น เอาไปต้ม นึ่ง หรือ ย่างก็ได้ ส่วนกระเจี๊ยบเขียว ข้อควรระวังเกี่ยวกับเมือกเหนียวในฝักนั้นพบว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย สามารถกินได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นเมือกที่สามารถละลายน้ำได้ และยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
สิ่งที่ควรรู้ว่ากระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหมอีกย่างหนึ่งคือ กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่มีสารพิษตกค้างค่อนข้างสูงมาก การกินกระเจี๊ยบเขียว ข้อควงรระวังจึงไม่ควรกินดิบ เพราะหากกินดิบจะทำให้เป็นอันตรายทำให้ระบบประสาทส่วนกลางถูกทำลายและเซลล์ประสาททำงานผิดปกติ ส่งผลให้รู้สึกชาที่ใบหน้า ลิ้น ริมฝีปากหรือทำให้ชักได้ ดังนั้นจึงควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้งและเพื่อความมั่นใจก็ควรปรุงสุกให้ผ่านความร้อนก่อนเพื่อฆ่าเชื้อได้ดียิ่งขึ้น
วิธีกินกระเจี๊ยบเขียวให้ดีต่อสุขภาพ
เมื่อได้รู้แล้วว่ากระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหมก็ต้องมีวิธีการทำกระเจี๊ยบให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพให้มากที่สุดด้วย หลังจากล้างกระเจี๊ยบเขียวสะอาดแล้วแนะนำให้นำมาหั่นเป็นแว่นขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร แล้วต้มในน้ำเดือด 1-2 นาทีก่อน จากนั้นจึงใช้กระชอนแยกน้ำออก การหั่นกระเจี๊ยบเขียวก่อนนำไปต้มจะยิ่งทำให้เมือกเหนียวถูกขับออกมามากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงเมือกเหนียวนี้เองที่เป็นส่วนที่ทำให้กระเจี๊ยบเขียวอร่อยยิ่งขึ้นและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยเมื่อนำไปต้มสุกแล้วก็สามารถนำไปทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น กระเจี๊ยบเขียวผัดไข่, กระเจี๊ยบเขียวคั่วพริกหม่าล่า, แกงส้มกระเจี๊ยบเขียว, ไข่เจียวกระเจี๊ยบเขียว, ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่นใส่กระเจี๊ยบเขียว, ซุปใสกระเจี๊ยบเขียว, กระเจี๊ยบเขียวราดน้ำมันหอย แกงเลียงกระเจี๊ยบเขียว และยำกระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น
ชื้อสินค้าออแกนิก ราคาพิเศษ กับ Lapoon Organic
กระเจี๊ยบ
การเเปรรูป : ตากแห้ง ทำชา
ประโยชน์กระเจี๊ยบเขียวด้านสุขภาพ
1. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น กำจัดไขมัน
อย่างที่รู้กันดีว่ากระเจี๊ยบเขียวมีลักษณะเด่นคือเมือกที่อยู่ด้านในฝัก โดยเมือกเหนียวนี้จะทำหน้าที่เคลือบกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และยังทำให้อาหารในลำไส้ถูกย่อยได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้กระเจี๊ยบเขียวยังมีเส้นใยชนิดละลายน้ำและชนิดไม่ละลายน้ำอยู่ในตัวซึ่งช่วยระบบขับถ่ายได้ดีมาก เส้นใยชนิดที่ละลายน้ำได้จะช่วยดูดสารพิษในลำไส้และขับถ่ายออกมา ช่วยแก้อาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ทั้งยังช่วยกำจัดไขมันและคอเลสเตอรอลได้ด้วย
2. เคลือบกระเพาะอาหาร เพิ่มพรีไบโอติก
เมือกเหนียวของกระเจี๊ยบเขียวสามารถช่วยเคลือบกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี หากกินกระเจี๊ยบเป็นประจำก็จะช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะ และลำไส้อักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบไกลโคไซเลต และไกลโคโปรตีน ซึ่งมีหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี และมีส่วนสำคัญในการเพิ่มแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ (โพรไบโอติก) จึงปรับสมดุลระบบขับถ่ายได้และช่วยลดความเสี่ยงของโรคแผลในกระเพาะอาหาร รวมทั้งป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย
3. รักษาโรคเบาหวาน
กระเจี๊ยบเขียวอุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ และยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย จึงเป็นผักที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง และมีการทดลองในสัตว์พบว่ากระเจี๊ยบเขียวอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย ซึ่งในอนาคตอาจสามารถใช้ต้านเบาหวานในคนได้เช่นกัน
แวะเลือกชื้อสินค้ามากมาย ทั้งพืชผัก ผลไม้ สมุนไพร และผลิตภัณฑ์ออแกนิกแท้ 100%
ใน ราคาพิเศษ กับ Lapoon Organic ได้อีกที่
กระเจี๊ยบเขียว ข้อควรระวังในการกิน
นอกจากจะไม่ควรกระเจี๊ยบเขียวดิบแล้ว บุคคลที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารก็ไม่ควรกินในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจทำให้ท้องอืด ปวดท้องได้ และผู้ที่กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดควรหลีกเลี่ยง และกระเจี๊ยบเขียว ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งคือเป็นพืชที่มีออกซาเลตสูงหากกินมากเกินไปก็เสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไตได้ สำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการกินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลควรปรึกษาแพทย์ก่อน
กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงและต้านโรคได้หลายอย่าง นอกจากนี้ยังเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงมากและให้แคลอรี่ต่ำ การกินกระเจี๊ยบเขียวจึงดีต่อร่างกายในหลายประการ แต่ก็ควรรู้ไว้ก่อนว่ากระเจี๊ยบเขียว กินดิบได้ไหมเพราะไม่สามารถกินดิบได้เหมือนงาขี้ม่อน จึงควรกินให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย
“เป็นคนใส่ใจสุขภาพ มองหาสินค้า Organic 100% ต้องแวะมาช้อปกับ Lapoon Organic แบรนด์สินค้าคุณภาพที่ใส่ใจลงไปในทุกขั้นตอน”
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก : doctor.or.th, medthai.com, foodiosity.com, thepioneerwoman.com, technologychaoban.com
Featured Image Credit : freepik.com/cfc